วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิวัฒนาการเทคโนโลยี web 1.0-4.0

ประวัติของเว็บไซต์

               เว็บไซต์ (อังกฤษ: Website, Web site หรือ Site) หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ที่เก็บไว้ที่ชื่อหลักจะเรียกว่า โฮมเพจ เว็บไซต์โดยทั่วไปจะให้บริการต่อผู้ใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการเพื่อที่จะดูข้อมูลในเว็บไซต์นั้น ซึ่งได้แก่ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ หรือข้อมูลสื่อต่างๆ ผู้ทำเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตั้งแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สำหรับธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ การเรียกดูเว็บไซต์โดยทั่วไปนิยมเรียกดูผ่านซอฟต์แวร์ในลักษณะของ เว็บเบราว์เซอร์ เว็บไซต์แห่งแรกของโลกสร้างขึ้นเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยวิศวกรของเซิร์น

ประวัติการพัฒนาเว็บไซต์และซอฟต์แวร์










Web 1.0 = Read Only, Static Data with simple markup

                  Web 1.0 คือ การใช้งานอินเทอร์เน็ต (Internet) ในอดีต  เป็นการใช้ข้อมูลด้านเดียว (One way Communication) ระหว่างเว็บ 1 เว็บจะมีผู้ใช้ 1 คนคือ web master หรือผู้สร้างเว็บเป็นผู้ให้ข้อมูล และ ผู้เข้าชมเว็บเป็นผู้รับข้อมูล จะรู้จักแค่ E-Mail, Chat Room, Download, Search Engine, Web board ส่วนมากจะใช้ภาษา HTML (HyperText Markup Language ) ต่อมาเริ่มมีการนำเอา Java Script และภาษา PHP (HyperText preprocessor) มาใช้งาน




 

Web 2.0 = Read/Write, Dynamic Data through Web Services

Web 2.0 คือ เครือข่ายทางสังคม (Social network) ที่เน้นการแบ่งปัน (Sharing) รูปภาพ สื่อต่างๆ (Multimedia) รวมทั้งข้อมูลที่สมาชิกภายในกลุ่มเครือข่ายสังคมนั้นมีอยู่อย่างแท้จริง เป็นการติดต่อ 2 ทาง (Two-way Communication) และผู้ใช้ยังมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ (Co-Creation) และนำเสนอ Contentไม่ใช่ Content Provider (ผู้นำเสนอเนื้อหาข้อมูล ความรู้) อีกต่อไป ในยุค Web 2.0 นี้ผู้เข้าชมสามารถอ่านและเขียนได้ (Read-Write) เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ เช่น 
- Wikipedia สารานุกรมออนไลน์ (http://www.wikipedia.org/ , http://th.wikipedia.org/                  
- Web blog (http://www.wordpress.com/ , www.blogger.com)                                                                       - Media Sharing Youtube.com, Flickr.com Social Network Hi5, Twitter Sourceforge.org, Google Maps, Google Earth

ตัวอย่างเว็บไซต์ยุค Web 2.0 ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก MySpace


 
การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Web 1.0 และ Web 2.0




 
รูปภาพแสดงแนวคิดของ Web 1.0 กับ Web 2.0




Web 3.0 = Read/Write/Relate, Data with structured Metadata + managed identity

              Web 3.0 เป็นการนำแนวคิดของ Web 2.0 มาทำให้ Web นั้นสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Metadata ที่หมายถึงข้อมูลที่บอกรายละเอียดของข้อมูล (Data about data) ทำให้เว็บกลายเป็นSemantic Web คือ ตัว Web จะทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น แล้วให้ Tags ตามความเหมาะสมให้เราแทน โดยข้อมูลแต่ละ Tag จะมีความสัมพันธ์กับอีก Tag หนึ่งโดยปริยาย ทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นฐานข้อมูล ความรู้ขนาดใหญ่ ที่ข้อมูลทุกอย่างถูกเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบมากขึ้น Web 3.0 นี้จะพัฒนาไปในลักษณะ Segment of One คือ Segment ที่มีบุคคลแค่คนเดียว หรือ ตอบโจทย์ความเป็นส่วนบุคคล เช่น อยากไปเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ เมื่อค้นข้อมูลแล้วเว็บไซต์จะเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดออกมา ไม่ว่าจะจากสายการบินต่างๆ แพ็กเกจไหนดีที่สุด และนำมาเช็คกับตารางของผู้ใช้ว่าตารางเวลาตรงกันไหม หรือจะนำไปเช็คกับตารางของเพื่อนที่ญี่ปุ่นใน Social Network เพื่อนัดเวลาที่ตรงกันเพื่อพบปะทานข้าวร่วมกันก็ได้
           ในยุคสื่อดิจิตอล โลกอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญในการประยุกต์ใช้ไอทีเพราะอินเทอร์เน็ตช่วยให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารรอบโลกได้อย่างรวดเร็วช่วยให้ติดต่อกับคนหรือหน่วยงานภายในและนอกประเทศได้ภายในพริบตา รูปแบบที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง (View, create, copy, share etc.) ได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย อุปกรณ์ใดๆที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ก้าวต่อไปของสื่อใหม่จะเป็นการเชื่อมโยงและผสมผสาน Digital content เหล่านั้นเข้าด้วยกันที่เรียกว่า Mash Up อันเป็นพื้นฐานของเว็บ 3.0 ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดรู้ หรือ มี AI (Artificial Intelligence) สามารถค้นหา และคาดเดาความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนได้  อุปกรณ์ไอที Gadget ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Notebook/ Netbook/ Smart Phone / MID (Mobile Internet Device), Digital Photo frame, EBook หรือแม้แต่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Digital home appliance) จะได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดในการทำงานมากขึ้น ทั้งขนาด คุณสมบัติ การทำงาน และราคา


         


การเปรียบเทียบเว็บไซต์ตั้งแต่ Web 1.0 - Web 3.0


การเปรียบเทียบพัฒนาการตั้งแต่ Web 1.0 - Web 3.0


การเปรียบเทียบแนวคิดของ Web 1.0 - Web 3.0









               web 4.0 หรือที่เรียกกันว่า “A Symbiotic web” (Ubiquitous Web) คือ Web ที่มีทำงานแบบ Artificial Intelligence (AI) หมายถึง การสร้างให้คอมพิวเตอร์ให้สามารถคิดได้ (Human mind & Machines หรือHuman & Robot coexistence) มีความฉลาดมากขึ้น ในการอ่านทั้งเนื้อหา (text) และรูปภาพ (graphic) และสามารถตอบสนองด้วยการคำนวณ หรือ สามารถตัดสินใจได้ว่าจะ load ข้อมูลใดที่จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดมาให้ก่อน และมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ Ubiquity, Identity และConnection กล่าวคือ จะพบได้ทุกหนทุกแห่ง ไม่จำกัดว่าจะเป็น Device ใด สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้อย่างแน่ชัด รวมถึงอาจจะ Integrate ไปกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยในการระบุตัวตน เช่น GPS และก็สามารถใช้งานได้ทุกหนทุกแห่ง สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายจนไม่รู้สึกถึงความยุ่งยากใดในระหว่างการทำงานหนึ่งๆ อาจจะมีข้อความแทรกขึ้นมาทันทีก็ได้
                 ลักษณะของ Web 4.0 จะไม่ได้มองไปที่ “ข้อมูล” อีกต่อไป เพราะจะก้าวข้ามกลายเป็น Activity หรือกิจกรรมแทน เพราะได้ผ่านจุดของ Web 3.0 ที่สามารถสื่อสารกันไปแล้ว ข้อมูลทุกอย่างจึงแลกเปลี่ยนได้อย่างอิสระจนมองข้ามมันไปได้ว่าข้อมูลอยู่ที่ไหนหรือมาจากไหน แต่กลับไปสนใจแทนว่า หากจะทำกิจกรรมหนึ่งๆ มีที่ไหนที่มี Application ที่จะสนับสนุนกิจกรรมที่ผู้ใช้งานต้องการได้ เช่น หากต้องการจะซื้อเสื้อ ข้อมูลเสื้อจากทุกๆ แหล่งที่รองรับกิจกรรมนี้ก็จะถูกส่งมารวมกัน โดยอาจมีข้อมูลประกอบว่าร้านอยู่ที่ไหนจากApplication ด้านข้อมูลสถานที่ และสามารถเลือกผู้ส่งสินค้าได้ จาก Application จากผู้ให้บริการด้านการส่ง เป็นต้น

ลักษณะของ Web 4.0
1) More access to data (สามารถเข้าถึง data ได้มากขึ้น)
                1.1 Access to more products (เข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้หลายตัวมากขึ้น) เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ
                1.2 Access to more images (เข้าถึงรูปภาพได้มากขึ้น)
                1.3 All customer reviews (สามารถดึงคำติชมของลูกค้าทุกคน)
                1.4 More product attributes (สามารถเข้าถึงข้อมูลของสินค้ามากขึ้น)
2) Extended cabilities (มีความสามารถมากขึ้น)
                2.1 Extended Search functionality (ค้นหาข้อมูลด้วยรายละเอียดมากขึ้น)
                2.2 Save for Later remote shopping cart (เลือกสินค้าโดยที่ไม่ใส่ตะกร้าได้)
                2.3 Wish list search (สามารถค้นหาสินค้าในรายการที่ผู้อื่นต้องการ)
3) Improved usability
                3.1 More documentation and code samples (มีคู่มือการใช้และโปรแกรมตัวอย่างมากขึ้น)
                3.2 Localized error messages. New error messages include very specific information about errors in your requests and provide troubleshooting guidelines (error messages มีข้อมูลมากขึ้นที่บอกถึงความผิดพลาดและช่วยบอกถึงวิธีแก้)
                3.3 Built-in help functionality ทำให้ผู้พัฒนาสามารถเข้าถึง API ได้ง่าย ช่วยในการเรียนรู้และการนำไปใช้


                                รูปภาพแสดงเส้นทางพัฒนาการของ Web 1.0 - Web 4.0

1 ความคิดเห็น: